โดย ฟองเวลา
ราวสี่ทุ่ม หลังจากจัดยาให้หลวงพ่อฉันแล้ว หลวงพ่อนอนอยู่ในห้องโดยเปิดประตูแง้มไว้ ส่วนฉันยึดเอาพื้นข้างโต๊ะหมู่บูชาหน้าห้องหลวงพ่อเป็นที่นอน ฟังเสียงกระแอม เสียงขากของหลวงพ่อก็รู้ว่าแกยังไม่หลับ คนเฝ้าสะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่น ข้างนอกฝนตกฉันต้องปิดหน้าต่างกระจกซึ่งปกติฉันจะเปิดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะมีลูกกรงเหล็กเป็นด่านกั้นอยู่ ท่ามกลางความมืดนั้นในห้วงรู้สึกคล้ายกับว่ามีแสงจากไฟฉายสะท้อนผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามา ในห้วงรับรู้ แสงนั้นหรี่คล้ายไฟฉายใกล้หมดพลังงาน …ใครกันนะ! เข้ามาทำอะไรตอนดึกๆเช่นนี้? ฉันนอนนิ่งคิด ไม่อาจขยับตัวได้ มองไม่เห็นคนที่เข้ามา รู้สึกจะเป็นชายสองคน เดินทะลุบานประตูโดยไม่ได้ยินเสียงเปิด สักพักฉันรู้สึกเหมือนมีใครมาดึงผ้าห่มออกจากตัว ในใจคิดว่าถ้าเป็นคนร้าย เดี๋ยวเขาก็คงลงมือทำร้านฉัน ในเมื่อฉันไม่อาจลืมตาขึ้นได้ ในใจก็รอเวลาที่ความเจ็บปวดจากคมอาวุธจะบังเกิด ใจฉันได้แต่สวดมนต์บทนะโมฯซ้ำๆเช่นนั้น กับบทมนต์ปารมิตาหฤทัยสูตรท่อนท้าย ทุกอย่างยังนิ่ง แล้วฉันก็สามารถสลัดตัวตื่นได้ ฉันเผลอหลับและมีภาวะคล้ายถูกผีอำเท่านั้นเอง เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในห้อง ฉันรีบลุกเข้าไปดู หลวงพ่อพยามจะลุกนั่ง ฉันจึงช่วยดึงแขนประคองตัว พ่อปวดฉี่ และเรามีขวดเตรียมไว้สำหรับรองฉี่ประจำไว้ในห้อง จัดยาอมใต้ลิ้นป้องกันอาการแน่นหน้าอกให้พ่อ
ดึกแล้วพ่อเรียกให้ช่วยนวดหลัง ตีสองเสียงเรียกให้ช่วยนวดขา ฉันนั่งหลับตาด้วยความง่วง ขณะที่มือก็บีบนวดขาให้พ่อ หลายวันมานี้แม้เพียงการเดินสั้นๆจากห้องนอนไปเข้าห้องน้ำพ่อก็มีอาการหอบเหนื่อย เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อไม่อาจลงทำวัตรเช้า – เย็น ไม่ได้ลงอุโบสถในวันพระใหญ่ ไม่ได้ร่วมฉันเพลในโรงฉันกับพระรูปอื่นๆ ในพรรษานี้ สำนักสงฆ์แห่งนี้มีพระจำพรรษาทั้งสิ้นหกรูป พ่อเป็นอดีตเจ้าสำนักที่ไม่อาจปฏิบัติศาสนกิจได้ มอบหมายให้พระหนุ่มวัยห้าสิบต้นๆทำหน้าที่แทน มีพระชราวัยเจ็ดสิบเศษอีกรูป บาดแผลเก่าที่หลังฝ่าเท้าจากอุบัติเหตุเมื่อนานมาแล้วเกิดอักเสพขึ้นมา ทำให้ไม่อาจปฏิบัติศาสนกิจได้ครบถ้วน ‘หลวงไข่’ผู้มีร่างกายพิการซีกตัวก็เช่นกัน พระวัยกลางคนอีกรูปก็เป็นโรคเก๊าท์ และเพิ่งผ่าตัดต่อมลูกหมาก ยังต้องเดินประคองถุงปัสสาวะ เหลือพระที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเพียงสองรูป กับฆราวาสธรรมผู้หนึ่ง ผู้เคยเดินธุดงค์จากพังงาถึงดอยสุเทพมาแล้ว พระในวัดเรียกแกว่า ‘ตาปะขาว’ แกชอบอยู่ในชุดขาว และกินมังสวิรัติเพียงมื้อเดียวในหนึ่งวัน แกว่าในคราวที่ธุดงค์ทางไกลเคยแวะมาอาศัยพักที่วัดนี้หลายวัน เมื่อบรรลุภารกิจหนนั้นแล้วจึงกลับมาเพื่อชดใช้ตอบแทนคุณโดยที่แกมีความสามารถด้านช่างก่อสร้าง และสำนักสงฆ์กำลังก่อสร้างวิหารธรรมหลังใหญ่ ไม่มีเงินจ้างช่าง ก็ได้แต่อาศัยแรงกายแรงใจจากรักษาการเจ้าอาวาสและ’ตาปะขาว’นั่นเอง
ทุกเช้า’ตาปะขาว’จะทำหน้าที่กวาดใบไม้แห้งในบริเวณลานวัด บางเข้าที่ฉันไม่ยุ่งกับการดูแลหลวงพ่อนัก ก็ได้ออกไปช่วยแกกวาดบ้าง
เมื่อพ่อจะอยู่ในผ้าเหลืองจนวันสุดท้ายของชีวิต ฉันจึงต้องช่วยประคองพ่อสู่จุดหมาย การกวาดลานวัดของฉันเป็นการชดเชยกิจบางอย่างของสงฆ์ที่พ่อไม่อาจปฏิบัติได้ ด้วยสำนึกถึงข้าวปลาของพุทธศาสนิกชน เพียงแต่ฉันยังไม่สามารถลงทำวัตรเช้า-เย็นแทนพ่อได้ หลังจากกวาดเศษใบไม้ร่วงจนเหงื่อชื้นแล้ว ฉันก็ไปจุดธูปที่ศาลพระพรหมณ์ ศาลพระภูมิ กับที่ฐานพระพุทธรูปปางประจำวันอาทิตย์ ฉันจุดธูปอีกหนึ่งดอก ปักไว้โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง บอกกล่าวแจ้งเจตนาการเข้ามายังสำนักสงฆ์แห่งนี้ของฉัน ญาติโยมและคณะกรรมการวัดต่างเริ่มคุ้นหน้า รู้ว่าฉันเป็นลูกชายหลวงพ่อที่มาอยู่เพื่อปรนนิบัติดูแล หมาวัดสิบกว่าตัวก็เลิกเห่ากรรโชกเมื่อเห็นฉันแล้ว แต่อาจมีบางสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ …เขาอาจยังไม่รับรู้ และเห็นฉันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เดินไปมาอยู่ในวัดหลายวันแล้ว.