บทความโดย ฟองเวลา
‘พี่ณี’เป็นลูกของ’ยายชาบ ตาหงวน ไปมีครอบครัวอยู่บ้านบางนอนหลายปีดีดัก แต่ก็ยังไปมาหาสู่ มาถวายสังฆทานและนั่งสนทนาพาทีกับหลวงพ่ออยู่เนืองๆ ด้วยตำบลบางนอนกับตำบลทรายแดงซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์แห่งนี้อยู่ไม่ห่างกันสักเท่าไหร่
ปลายเดือนก่อน’พี่ณี’ก็แวะนำอาหารมาถวายหลวงพ่อ ถวายสังฆทานและกรวดน้ำอุทิศให้แก่ดวงวิญญาณญาติๆ โคนต้นพิกุลหน้ากุฏิจึงเต็มไปด้วยหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าตรงนี้เป็นจุดบรรจบระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณ!! ….ซากดอกดาวเรืองกับหมากพลูที่หั่นพอดีคำนั้นตอกย้ำสิ่งนี้อย่างชัดเจน
“ถ้าถูกหวยรวยเบอร์ พี่ณีอย่าลืมซื้ออาหารให้หมาวัดด้วย มีตั้งสิบสี่ตัวแน่ะ! เศษแกงเหลือพระไม่ค่อยพอแล้วเด้!” ฉันพูดยิ้มๆกับพี่ณี “ได้ได้”คนชื่อณีรับปาก ก่อนขับรถยนต์จากไป
สายของวันนี้พี่ณีก็แวะมากราบหลวงพ่อเช่นเคย หนนี้มีอาหารสุนัขติดมือมาด้วยสองกระสอบ “พี่ไม่ได้ถูกหวยหรอก แต่ก็ซื้อได้”
ฉันจัดการเทเศษอาหารในชามหมาซึ่งมีมดขึ้นเต็ม ทิ้งทุกชาม เมื่อวานมีงานทอดกฐินที่วัด สุนัขทั้งสิบสี่ตัวจึงทานบุปเฟ่ที่เหลือจากโรงทาน ซึ่งมีญาติโยมแห่กันมาตั้งโรงทานมากกว่าสิบเจ้า
หมาเดินตามหลังฉันเป็นพรวนไปทางครัวฉัน “มื้อนี้พวกแกมีลาบปากว่ะ” ฉันพูดกับหมา มันกระดิกหางรับแทนคำตอบ จัดการคลุกเคล้าข้าวสวยกับอาหารชนิดเม็ด แล้วตักแบ่งใส่ชามวางกระจายตามจุดเดิมๆ ทุกตัวต่างดมๆและเลือกกินไม่กี่คำ แม้แต่’ชีต้า’ซึ่งตะกละสุดก็แสดงอาการเมินเบื่อมื้ออาหารนี้ “พวกมึงมันชั้นต่ำ รสนิยมต่ำเกินไป ลิ้นไม่ถึงระดับอาหารดีดีหร๊อก!!” ฉันพูดเหยียดๆใส่ฝูงสุนัข ซึ่งยังคงเดินตามตูดต้อยๆ
นึกไปถึงคำพูดของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ที่ว่า ‘ให้สำนึกเสมอว่าเรามันชั้นต่ำเกินไป โรงแรมเขาออกแบบมาดีแล้ว แต่เราใช้ของดีไม่เป็น อย่าไปโทษเขาต้องโทษตัวเราเอง’
ใช่… โลกออกแบบมาดีแล้ว เราต่างหากเล่าที่ไม่รู้จักโลก.