โดย ฟองเวลา
เมื่อญาติโยมรายหนึ่ง ซึ่งจับความได้จากการฟังบทสนทนากับพระหลวงตาชราภาพ ที่นั่งทำอะไรเล็กๆน้อยๆเท่าที่เรี่ยวแรงพอจะมีอยู่บ้างที่ม้านั่งหน้ากุฏิ โดยที่ฉันยืนตัดแต่งต้นไม้อยู่ใกล้ๆ โยมผู้นี้คงมาวัดไม่บ่อยนัก ทำให้พูดอย่างสมัยใหม่ว่า ‘ไม่ค่อยอัพเดท’อาการป่วยของพระหลวงตา
“หูยยย ผมเป็นหลายโรค ทั้งกรดไหลย้อน ทั้งโรคไต โรคต่อมลูกหมาก โรคกระเพาะ โรคข้อเข่าเสื่อม โรคปอด แล้วหมอตรวจล่าสุดพบว่าเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบด้วย” หลวงพ่อสาธยายอาการให้ญาติโยมที่แวะมาเยี่ยมฟัง “พอจะรักษาโรคหลอดเลือดตีบก็ไปกระทบกับไต หมอบอกว่าถ้าใช้ยาแรงอาจทำให้ไตวายเฉียบพลันได้” หลวงพ่อถ่ายทอดคำอธิบายของนายแพทย์ผู้ทำการตรวจสวนหัวใจ
“พ่อหลวง!…นี่ต๊นเป็นโรคปอดกันเห้อ!” โยมผู้หญิงถามด้วยความแปลกใจเพราะตลอดที่รู้จักกับหลวงพ่อมา ไม่เคยเห็นว่าหลวงพ่อสูบบุหรี่เลย “แรกหนุ่มหนุ่มนู่แล้ ผมทำงานรับจ้างในเหมืองแร่ พวกคนงานเขาสูบยากันเพ เวลาสูบยาก็นั่งพักไปด้วย สมัยนั้นสูบยาใบจาก กว่าจะหมดมวนก็หลายนาที คนไม่สูบยาก็เสียเปรียบน้ำแรงเพื่อน” หลวงพ่ออธิบายภูมิหลังครั้งยังเป็นหนุ่ม
….ความรู้สึกเสียเปรียบ และบางพฤติกรรมเพื่อปิดช่องว่าง’ความรู้สึกเสียเปรียบ’นั้น มันต้องแลกด้วยความเจ็บปวดทรมานในบั้นปลายชีวิตกระนั้นหรือ? …ถ้าสมัยนั้นมีกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่มีประสิทธิภาพ บางทีหลวงพ่ออาจมี’ทางเลือก’ที่มากกว่าการต้องสูบบุหรี่เพื่อจะได้เป็นข้ออ้างในการนั่งพักนานๆก็เป็นได้ และบรรยากาศของความรู้สึกได้เปรียบ -เสียเปรียบก็คงจะไม่เกิดขึ้นในสังคมที่กฎหมายและผู้บังคับใช้ มีความเป็นธรรม!!!