บทความโดย ฟองเวลา
ตอนไปถึงในคืนแรกซึ่งก็เป็นเวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หมอสั่งพ่นยาโดยจ่ายผ่านท่ออ๊อกซิเจนเหนือหัวเตียงคนไข้ อาการหอบรุนแรงค่อยทุเลาลงตามลำดับ ผลการเอ็กซ์เรปอด พบว่ามีน้ำท่วมปอด สาเหตุเกิดจากค่าไตสูง ซึ่งเป็นโรคประจำตัวของคนไข้อยู่เดิม สามวันก่อนนี้มีอาการขาบวม ก็คงเพราะความบกพร่องของไตนั่นแหละ หลังจากรับยาขับปัสสาวะเข้าไปแล้ว การขับน้ำเสียออกจากร่างกายช่วยให้อาการขาบวมลด และหายในที่สุด จากการตรวจวิเคราะห์ผลเลือด หมอพบว่ามีการติดเชื้อแบ็คทีเรียในปอดร่วมด้วย กับอาการแน่นหน้าอกเป็นบางช่วงซึ่งคงเกิดจากเกล็ดเลือดเกาะตัว ประกอบกับการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอยู่เดิม ทำให้เกิดอาการปวดแน่นหน้าอก หมอต้องฉีดยาละลายลิ่มเลือดให้วันละ 1 เข็มบริเวณใกล้สะดือ จ่ายยาฆ่าเชื้อแบ็คทีเรียผ่านทางหลอดเลือด (ceftriaxone)วันละถุง นั่นทำให้ทั้งร่างผู้ป่วยวัยย่าง 86 ปี เต็มไปด้วยสายระโรงระยางที่เชื่อมต่อกับเครื่องมือทางการแพทย์ หมอสั่งจ่ายยาขับเยี่ยวพร้อมกับควบคุมปริมาณน้ำดื่ม
คืนแรก พ่อไม่ยอมให้พยาบาล’สวมสายฉี่’ ยืนยันว่ายังฉี่ได้เองโดยฉี่ใส่กระบอกพล๊าสติก แล้วรินใส่ขวดที่มีขีดบอกปริมาณน้ำ คงเพราะความ’ผิดท่า ผิดเหลี่ยม’ ปรากฎว่าคืนแรก ทั้งผ้าสะบงและผ้าปูที่นอนเหม็นคลุ้งไปด้วยกลิ่นเยี่ยว ช่วงบ่ายของวันแรก พ่อไม่ยอมฉี่โดยไม่มีฉากกั้นเตียงอีก ระหว่างนั่งฉี่ที่ขอบเตียงโดยฉันต้องลากฉากกั้นจากหน้าห้องน้ำมากั้นให้ทุกครั้ง(ซึ่งบ่อยถี่ ตามฤทธิ์ของยาขับฯ) พ่อจะคอยสอดส่ายตาเหลือบมองอย่างตรวจสอบทางช่องรอยต่อของฉากกั้นว่ามีใครกำลังจับจ้องการทำภารกิจของพ่อหรือไม่ แม้จะเป็นเวลาตีสาม ขณะที่คนป่วยและคนเฝ้าไข้เตียงอื่นๆหลับหมดแล้ว พ่อก็ยังขอฉากกั้นเวลาจะฉี่ มิไยว่าฉันจะพูดทัดทาน “ดึกแล้ว หมามีใครเห็นมั้ย!” ในใจคิดจะพูดคำว่า’ไม่มีใครมาคอยจ้องดูคนแก่เยี่ยวหรอก’ แต่ก็ยั้งไว้และพยายามเข้าใจความรู้สึกของพ่อ ดึกของอีกสองคืนต่อมา พ่อบอกว่าปวดอึ ฉันจึงพยุงพ่อนั่งรถเข็นไปเข้าส้วมท้ายตึกผู้ป่วย ปล่อยให้พ่อนั่งส้วมโดยฉันยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู เพียงครึ่งนาที เสียงพูดดังมาออกมาว่า “เยี่ยวกะหนัดแต่ไม่ขี้” “อ้าว ไม่เจ็บขี้เห้อ” ฉันถามและเปิดประตูออก “ไม่ขี้ เท่าแต่เยี่ยวกะหนัด”พ่อตอบ ฉันเข็นรถวีลแชร์พาพ่อกลับมาที่เตียง ประกอบสายระโยงระยางเข้ากับตัวพ่อ ก่อนตัวเองจะล้มตัวนอนต่อบนเสื่อที่ปูไว้บนพื้นข้างเตียงคนไข้ ก่อนเข้าสู่สภาวะหลับไหล ความคิดก็วนกลับมาถึงเรื่องการปวดขี้ของพ่อเมื่อสักครู่ …รึความจริงพ่อแค่รู้สึกปวดเยี่ยว แต่ต้องการให้ฉันพาไปฉี่ในห้องน้ำโดยไม่ถูกทัดทานด้วยคำพูดจากลูกชาย .
แม้ร่างกายจะหย่อนความสามารถในหลายเรื่อง แต่สำนึกความอายต่อการโชว์สรีระยังสูงมาก …อายผีสางเทวดา คนแก่ๆชอบพูดคำนี้ ฉันยังเผลอคิดว่า คนบวชเป็นพระมานานควรปลงได้ในเรื่องนี้ ..แต่ก็รีบหยุดความคิดเมื่อนึกได้ว่านี่ก็เป็นการตัดสินคนอื่นอีกเช่นกัน โดยเฉพาะคนคนนั้นคือพ่อของตัวเอง มันคงเป็นเรื่องบาปซ้ำซ้อนเป็นแน่ที่คิดตำหนิพ่อ สำนึกความอายของพ่อนั้น แสดงออกผ่านการพยายามให้ฉันเจรจากับพยาบาลเพื่อขอย้ายไปอยู่ห้องพิเศษ …พ่อต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ความต้องการของพ่อถูกปฏิเสธโดยหมอ ด้วยเหตุผลว่า พ่อยังมีอาการติดเชื้อในปอด หอบเหนื่อยบางช่วงเมื่อออกแรง และยังมีอาการแน่นหน้าอกเป็นบางช่วง การอยู่ที่ตึกผู้ป่วยรวม โดยเฉพาะพวกที่ระดับอาการอยู่ในสภาพต้องเฝ้าระวัง พยาบาลจะจัดให้นอนบนเตียงในล๊อคที่ตรงกับหน้าห้องพยาบาล เพื่อการดูแลอย่างใกล้ชิด พูดถึงสายระโยงระยางที่เชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์ข้างเตียงคนป่วย เป็นสายวัดอะไรสักอย่างที่ฉันไม่รู้ ไอ้ที่มีสามสายเล็กๆมีสามสี ปลายสายเป็นที่หนีบ เชื่อมกับหมุดที่แปะไว้สามจุดบนร่างกายคนป่วย เมื่อต้องปลดมันออกตอนพาคนป่วยไปห้องน้ำ ครั้นเสร็จธุระกลับมาที่เตียง ก็ไม่อยากรบกวนคุณพยาบาลซึ่งเหนื่อยวุ่นตลอดวัน ตลอดคืนอยู่แล้ว เราก็ช่วยกันประกอบสายโยงต่างๆด้วยตัวเอง สักพักเมื่อพยาบาลเดินมาตรวจตามรอบเวลา ฉันถูกพยาบาลตำหนิเบาๆ ว่าทีหลังให้บอกพยาบาล ..ฉันประกอบสายผิด!! สลับสี ตั้งแต่นั้นมาฉันจึงจำได้แม่นโดยสังเกตว่า สายสีเหลืองอยู่กับหมุดด้านอกซ้ายใกล้ชิดหัวใจ สีแดงอยู่ตรงข้าม ห่างหัวใจคนละขั้ว ส่วนสายเขียวนักอนุรักษ์ ผู้ไม่ต้องการอำนาจแห่งรัก สถิตย์อยู่ตรงหมุดเหนือท้องน้อย ใกล้สะดือ.