ฟังเสียงร่างกาย

บทความโดย ฟองเวลา

………ค่ำวันแรก’พี่ดุก’ได้ขอความร่วมมือผู้ที่ผ่านเวทีสุขภาวะครั้งก่อนซึ่งเป็นกลุ่มผู้หญิงให้ตื่นตอนตีสี่เพื่อมาช่วยเตรียมผักและทำ’น้ำคลอโรฟีลล์’สำหรับให้ผู้ร่วมเข้าค่ายครั้งนี้ได้ดื่ม แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว มีสุภาพบุรุษสูงวัยสี่ห้าคนที่ตื่นตั้งแต่ตีสองและนอนต่อไม่ได้ …ก็ปกติเวลาอยู่บ้าน คนวัยนี้มักตื่นเร็ว ลุกมาก่อกองไฟข้างบ้าน หรือทำโน่นนั่นนี่ตามเคยชิน ครั้นต้องมาเข้าพักในห้องพักของสถานีฝึกนิสิตฯจึงไม่อาจใช้พฤติกรรมแบบที่เคยทำมาได้!! ฉันตื่นตอนตีสองกว่าเช่นกันเพื่อเข้าห้องน้ำ และกลับมาจะนอนต่อ แต่ก็ไม่หลับ(สงสัยจะเป็นว่าที่สว.) เห็นเพื่อนบางเตียงในห้องนอนรวมนอนพลิกตัวไปมาก็เลยชวนกันไปหากาแฟกินที่โรงอาหาร ตอนนั้นเป็นเวลาตีสี่พอดี ผู้สูงวัยบางคนจึงได้ช่วยทีมวิทยากรทำน้ำคลอโรฟิลล์ให้ชาวค่าย งานนี้ได้ทั้งความรู้และสุขภาพ

ภาพโดย ฟองเวลา

………ตีห้าครึ่ง ทีมวิทยากรจากอำเภอจะนะก็ชวนผู้เข้าอบรมฯ’ฝึกหายใจ’ด้วยท่าโยคะ ทุกท่าล้วนออกแบบมาฝืนกับท่าทางปกติในชีวิตประจำวัน ฉะนั้นจึงทำให้รู้สึกปวดกล้ามเนื้อ วิทยากรบอกว่าถ้าทำประจำก็จะไม่ปวด ในแต่ละท่าเราต้องหายใจเข้า-ออกอย่างเต็มที่ ช้าๆอย่างมีจังหวะ “หายใจเข้า ….หายใจออก หายใจเข้า ….หายใจออก!” ‘น้องยุ้ย’เป็นคนนำฝึกและเปล่งเสียงให้จังหวะ ในท่าที่ต้องนั่งตัวตรงบนส้นเท้า เหยียดแขนไปด้านหลังและประสานมือสองข้างเข้าด้วยกัน แล้วค่อยๆโน้มตัวไปด้านหน้าให้สุดเท่าที่แต่ละคนจะทำได้ ขณะยังนั่งตัวตรงและเปล่งเสียงให้จังหวะการหายใจ สุนัขเลี้ยงของศูนย์ฝึกฯซึ่งคงไม่เคยถูกจับอาบน้ำมานานเพราะมีกลิ่นเหม็นมาก ด้วยความเป็นหมาอัธยาศัยดี มันคุ้นเคยกับผู้เข้าอบรมฯอย่างรวดเร็ว และเดินมานั่งแหมะ!ลงตรงหน้า’น้องยุ้ย’ขณะอยู่ในจังหวะ”หายใจเข้า” …เธอต้องหยุดนำ เพื่อไล่ไอ้ด่างออกพ้นบริเวณ!!! หลังเสร็จจากโยคะ เรายกโขยงเดินไปที่ขายหาดเพื่อ’ฝังทราย’ ฟ้ายังมืดมาก มองไม่เห็นเส้นขอบน้ำกับขอบฟ้า มองไปไกลๆมีเพียงแสงไฟสีเขียว สีแดง กระพริบอยู่ห่างไกล คงเป็นไฟจากเรือประมง ผู้ชายที่แข็งแรงใช้พลั่วขุดหลุมขนาดพอดีตัวคน จำนวนห้าสิบหกหลุม เพื่อฝังทุกคนตามที่เดินไปหน้าชายหาด …เหลือเพียงวิทยากรสี่คนคอยช่วยกลบ เป็นหลุมทรายตื้นๆ ให้คนที่จะฝังตัวลงไปนอนราบ โผล่พ้นทรายขึ้นมาแค่ส่วนหัว พื้นทรายซึ่งยืดหยุ่น สะท้อนกลับตามการขยับของกล้ามเนื้อ ตามจังหวะการหายใจเข้าออก ฟ้าเริ่มสางแล้ว ขอบฟ้าสีผ้าจีวรพระแยกชัดกับขอบน้ำทะเล ศีรษะคน 56 หัว วางเรียงบนพื้นทราย เหมือนหัวนักโทษประหาร ทว่าไม่มีรอยเลือด และบนใบหน้าไม่มีความเจ็บปวด

ภาพโดย ฟองเวลา

………วิทยากร 2 คน ยืนออกกำลังกายในท่าบิดขี้เกียจอยู่ห่างๆ อีกสองคนลงไปลอยคอผ้าถุงโป่งอยู่ในทะเล ระหว่างที่เรานอนฟังเสียงร่างกายโดยใช้ทรายเป็นตัวสะท้อนกลับปรับสมดุล ปรับธาตุในกายอยู่นั้น พระรูปหนึ่งเดินบิณฑบาตผ่านมาทางชายหาด ‘ตาวี’ผู้ร่วมอบรมวัยกลางคน ผู้มีมะเร็งตับอ่อนเป็นของตัวเอง พูดทีเล่นทีจริงว่า “น่าจะนิมนต์หลวงพ่อสวดเสียทีเดียวเลย” ไม่รู้ว่าพระจะได้ยินหรือเปล่า ท่านยังเดินด้วยจังหวะก้าวเท่าเดิม มั่งไปทางท้ายหาด ห่างไปราวสี่ร้อยเมตร จุดนั้นเป็นที่ตั้งชุมชนชาวประมงห้วยยาง.