เราไปถึงที่นั่นเกือบเที่ยงแล้ว พุทธศาสนิกชน(จริงๆมีมุสลิมด้วยเพราะสังเกตเห็นมีผู้หญิงคลุมผ้าฮิยาบ และเชื่อว่าผู้มีความเชื่อในนิกายอื่นก็คงมีเพียงแต่ไม่ปรากฏลักษณะเฉพาะให้เห็นเท่านั้นเอง) ไม่ได้หนาแน่นเหมือนเคย ..เปล่าหรอก! จำนวนคนยังมากมาย เพียงแต่ทางวัดได้ขยายพื้นที่ของตนออกไปทุกทิศทางจึงทำให้ดูเหมือนจะลดความแออัดลง
ผู้คนขอพร ขอโชคลาภ ขอให้ช่วยปัดเป่าเภทภัย บ้างเดินชมพุทธศิลป์ฯลฯ แล้วจบโปรแกรมที่แผงชายล็อตเตอรี่ ส่งผู้โดยสารคนสุดท้ายเรียบร้อยตอนสี่ทุ่ม ซักผ้า อาบน้ำ กินมื้อดึก และเข้านอนตอนเกือบเที่ยงคืน
ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตีสองยี่สิบนาที เพื่อตื่นตามเวลา อาบน้ำอย่างลวกๆและขับรถอย่างสลึมสะลือไปรับลูกค้าตามที่นัดหมายไว้ตอนตีสาม ‘ต้องถึงที่หมายตอนเก้าโมงครึ่งนะ’ น้องที่รับงานมาพูดกำชับทางโทรศัพท์ ขับรถไปสักพักรู้สึกง่วงเต็มทีจึงขออนุญาตผู้โดยสาร ขอจอดงีบในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง พาผู้โดยสารไปถึงจุดหมายที่ตำบลท่าเรือก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี ทีมศึกษาดูงานจากกองทุนหมู่บ้านคงต้องปรับโปรแกรมเล็กน้อย บ่ายสามโมงพาไปไหว้สักการะพระบรมธาตุเมืองนครฯ หกโมงแวะชม’นาแม่เฒ่า’และชายหาดขนอม สามทุ่มฝืนถ่างเปลือกตาอย่างทรมานอยู่บนทางหลวงสายเอเชีย ก่อนจะสารภาพกับผู้โดยสารว่า’สภาพร่างกายไม่พร้อมจะขับรถเดินทางต่อได้’ ขอจอดงีบในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง เอนเบาะและหลับไปนานแค่ไหนไม่อาจรู้ จนใครคนหนึ่งในหมู่ผู้โดยสารตัดสินใจปลุกคนขับรถ เพราะเห็นว่าเป็นเวลาดึกมากแล้ว เมื่อแวะจุดเช็คพอยต์รถโดยสารสาธารณะแห่งหนึ่ง ก็ไม่ปรากฎเงาร่างของเจ้าหน้าที่ประจำจุดแม้แต่รายเดียว รวมถึงในป้อมตำรวจทางหลวงข้างๆก็ไม่ปรากฎสิ่งมีชีวิตใด …พวกเขาก็คงไม่พร้อมถ่างตารอใครเช่นกัน!!
ทั้งทีมศึกษาดูงานและพนักงานขับรถกลับถึงนิวาสถานโดยปลอดภัย ..แต่ภารกิจอาจไม่บรรลุเป้า!
เป็นข้อพิสูจน์ที่แจ่มชัดว่า ถึงเวลาต้องปลดระวางตัวเองจากอาชีพรับจ้างขับรถโดยสารสาธารณะได้แล้ว …..แม้เพิ่งจะต่อใบอนุญาตขับขี่ประเภท ท.2 ไปเมื่อวันที่ 22 ก.ค.นี้ก็เถอะ