บ่ายวันนั้น

บทความโดย ฟองเวลา

ภาพโดย ฟองเวลา

ฝนซาเม็ดแล้วหลังจากตกต่อเนื่องมาหลายวัน น้ำส่วนหนึ่งยังไม่ไหลไปไหน มันรอระบายอยู่ตามถิ่นใต้หลายจังหวัด บ่ายนั้น ผมถูกไหว้วานให้ช่วยขับรถไปทำธุระในเมือง นั่นหมายความว่าผมไม่ได้เป็นเจ้าของรถ แต่ขับเป็น ผู้ไหว้วานแวะทำธุระที่สถาบันรับฝากเงินแห่งหนึ่ง จุดนั้นไม่มีที่ว่างให้จอดรถ ผมต้องขับเลยมาอีกกว่าร้อยเมตรและหยุดอยู่ข้างทางซึ่งมีที่ว่างเมื่อเก๋งคันหนึ่งขับออกไป มันเป็นหน้าสถาบันรับฝากเงินอีกแห่งหนึ่งแต่เป็นคนละเจ้ากัน ผมติดเครื่องยนต์ไว้ เปิดแอร์ เปิดวิทยุฟังเพลง ลูกชายนั่งอยู่เบาะข้างคนขับลดกระจกข้างลงจนสุด เขาบอกว่าแพ้แอร์ เป็นที่รู้กันว่าเวลาเดินทางไปไหนๆด้วยกัน ถ้าเอารถยนต์ไปเองลูกชายจะนั่งข้างคนขับ ปิดช่องแอร์ด้านซ้ายและลดกระจกลง///
บ่ายวันนั้นฝอยฝนยังโปรยปราย อากาศชื้นแฉะไปทั้งเมือง ระหว่างนั่งอยู่ในรถคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆโดยไม่ทันสังเกต ชายคนหนึ่งมาหยุดยืนชิดประตูด้านซ้าย เขายืนที่ขอบฟุตบาธทำให้ต้องก้มตัวเล็กน้อยเพื่อจะคุยกับเรา เขาก้มหน้าจนเกือบจะยื่นใบหน้าเข้ามาในรถ แวบหนึ่งผมคิดว่าเขาคงเป็นคนประเภทสติสตังไม่ค่อยเต็มร้อยสักเท่าไหร่ในการรับรู้ของคนทั่วไป “ลอตเตอรี่ครับ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง” ชายคนนั้นแสดงเจตจำนงของเขา นั่น..ว่าแล้ว เขาต้องขาดในส่วนที่คนอื่นมีกัน และมีเกินกว่าในส่วนที่คนอื่นๆขาด ผมคิด “อ้าว..รางวัลที่หนึ่งมันมีใบเดียวไม่ใช่เหรอ!!!”

ภาพโดย ฟองเวลา

ผมถามเมื่อเห็นเขายื่นมือเข้ามาในรถพร้อมโชว์ลอตเตอรี่หลายใบซึ่งแผ่เรียงเหมือนพัดจีน “พ่อๆ ซื้อเลย เทวดานำโชคมาให้พวกเราแล้ว” ลูกชายพูดขึ้นเบาๆ อย่างกระตือรือร้น “รางวัลที่หนึ่งที่สองอยู่เรียงกันเลย”ชายคนนั้นพูด เสียงของเขาฟังแล้วเหมือนคนลิ้นไก่สั้น พลันในหัวผมแวบนึกถึงเรื่องเล่าเมื่อหลายปีก่อน ครูหนุ่มชั้นผู้น้อยถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งแถมรางวัลแจ็กพอตได้เงินไปสามสิบกว่าล้านบาทจากการซื้อลอตเตอรี่ของผู้ขายสติไม่สมประกอบ เล่ากันว่าครูหนุ่มซื้อเพราะอยากช่วยคนยากไร้กว่า “นี่ๆเลขนี้…รางวัลที่หนึ่ง” ชายคนนั้นพูด ผมไม่ได้ตั้งใจมองเลขบนลอตเตอรี่ใบนั้น แต่ดูเหมือนจะมีเลขเหมือนๆกันทั้งสองใบ ผมบอกให้ลูกชายหยิบมาใบหนึ่ง “แปดสิบบาทใช่มั้ย?” ผมถาม “ผมขอเงินทอนยี่สิบบาทเอาไปซื้อข้าวให้แม่นะครับ” ประโยคหลังของชายผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอย่างเห็นได้ชัด ตอนนั้นผมนึกขึ้นมาโดยอัตโนมัติว่ากำลังเจอเล่เหลี่ยมคนขายลอดเตอรี่เข้าแล้ว ‘คนพวกนี้ยังไงๆก็ไม่มีวันที่จะได้เปรียบคนอื่นที่มีถานะเหนือกว่าอยู่วันยังค่ำ ได้เศษเงินไปเล็กน้อยแต่ทั้งชีวิตก็ยังตกอยู่ในสถานะผู้เสียเปรียบตลอดไป’ ผมเคยอ่านเจอคำพูดประมาณนี้จากงานเขียนของอ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ชายคนนั้นนิ่งรอคำตอบ ผมไม่ได้ตัดสินใจทันทีแต่หันไปมองหน้าลูกชายเป็นการขอความเห็น ลูกชายพยักหน้าหงึกๆเป็นการเห็นด้วยเท่ากับเป็นฉันทามติทั้งสามฝ่าย ผมหยิบแบ็งค์ร้อยส่งให้ ชายผู้นั้นอวยพรให้เราถูกรางวัลที่หนึ่งก่อนเดินฝ่าฝอยฝนลับหายไป ลูกชายหันมาถามว่าถ้าถูกรางวัลที่หนึ่งเราจะได้เงินเท่าไหร่ ผมตอบไปและบอกว่าเราต้องเสียภาษีซึ่งจะถูกหัก ณ ที่จ่ายด้วย “เราไปเอาเงินที่ไหน” ลูกชายถาม ผมตอบว่าเราต้องไปขึ้นเงินที่กองสลากที่กรุงเทพฯ หรือขึ้นเงินที่ร้านรับซื้อรางวัลก็ได้ แต่เขาจะหักเราเพิ่มอีกเล็กน้อย …ลูกชายเริ่มฝันดังๆว่าจะแบ่งให้ใครเท่าไหร่และเขาจะซื้อหุ่นยนต์สูงสิบเมตรตัวหนึ่งด้วย.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *