บทความโดย ฟองเวลา
รู้สึกตัวตื่น เหลือบมองนาฬิกาที่ผนัง บอกเวลา 06.07 น. พลิกตัวตะแคงมองตรงรอยแตกของบานหน้าต่าง ..ข้างนอกยังมืด พลิกตัวกลับ ข่มตาหลับต่อ เช้าที่อากาศเย็น มันเย็นต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อนปีใหม่ ข่าวพยากรณ์อากาศรายงานว่าอุณหภูมิจะเริ่มอุ่นขึ้น ‘มันน่าจะเย็นต่อไปเรื่อยๆนะ’ ผมคิด งอเข่า กระชับผ้าห่ม ประสาทการรับรู้คาบเกี่ยวระหว่างการหลับและการตื่น แล้วเจ้าความคิดก็สั่งให้เราตื่น ..อย่างขี้เกียจ พับผ้าห่มอย่างหยาบๆ เก็บหมอน เดินไปเข้าห้องน้ำจัดการล้างหน้า แปรงฟัน เหลือบมองพ่อ(หลวงพ่อ)ยังนอนอยู่บนเตียง ตรงห้องกลาง ..ไม่รู้ว่าหลับหรือตื่น แต่เสียงจากวิทยุยังดังอยู่ เป็นรายการข่าวเช้า หยิบแปรงสีฟัน ป้ายยา พร้อมตักน้ำมาครึ่งขัน ให้หลวงพ่อแปรงฟัน พ่อลุกนั่งโดยเราประคองช่วย ระหว่างนั้นพ่อก็ใช้ให้เราขับรถไปซื้อข้าวต้มโจ๊กที่ตลาดซึ่งห่างออกไปราว 7 กิโลเมตร พ่อแกะซองยื่นแบ็งค์ยี่สิบหลายใบให้เรา เช้านี้มีข้าวต้ม 2 ถุง เพราะเมื่อเรากลับมาถึงวัด ‘ตาหวัง’ ได้ซื้อข้าวต้มมาถวายหลวงพ่อพอดี เปลี่ยนแพมเพิสให้พ่อ เสร็จแล้วแกะถุงข้าวต้มเทใส่ถ้วย ฉีกปาท่องโก๋เป็นชิ้นเล็กๆเติมลงไป ยกไปวางที่โต๊ะข้างเตียงพ่อ จากนั้นก็จัดการดริฟกาแฟสำหรับตัวเอง จริงๆเราชินกับการตักกาแฟใส่แก้ว กรอกน้ำร้อน แล้วกวนๆๆๆ ยกดื่ม การดริฟกาแฟจึงเป็นเรื่องใหม่ ต้องรอเวลาซึ่งก็สร้างความหงุดหงิดขึ้นในอารมณ์ล่ะ ที่นี่เป็นหนึ่งในยี่สิบแปดจังหวัดที่อยู่ในสถานการณ์เสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด รอบสอง ผู้คนลดการไปมาหาสู่กัน รวมถึงการมาวัดด้วย ……พระที่วัดนี้ไม่ต้องออกเดินบิณฑบาต เพราะบรรดาญาติธรรมทั้งหลายมีมติว่า แต่ละครอบครัวจะหมุนเวียนกันทำอาหารใส่ปิ่นโตมาถวายในมื้อเพล ถ้าเป็นช่วงเวลาในพรรษา จะมีญาติโยมนำมื้อเช้ามาถวายด้วย
หลังมื้อกาแฟกับปาท่องโก๋ที่เหลือจากพระ เราก็วางแผนออกเหงื่อ ด้วยการไปตัก’แอสฟัลท์’ หรือผิวถนนยางมะตอยเก่า ที่บริษัทสร้างถนนได้บดรื้อ และทางวัดได้ขออนุเคราะห์มาไว้ใช้ประโยชน์ ผมตักแอสฟัลส์ใส่รถเข็น แล้วเข็นมาเทเกลี่ยตรงหน้ากุฏิ นอกจากช่วยลดการฟุ้งปลิวของฝุ่นได้แล้ว แอสฟัลท์เก่ายังช่วยลดความว่างในใจ ใกล้เที่ยง ก็ตระเตรียมอุ่นมื้อกลางวันให้หลวงพ่อ วันนี้มีญาติโยมนำอาหารมาถวาย 1 ราย ช่วงพระสวดทำวัตรเย็น ก็เป็นเวลาคลุกข้าว ตักแจกจ่าย 13 หมาวัด ณ วัด วิถี วิถีคนอยู่วัด.