ชีวิตวัยหนุ่ม ในสวน

โดย ตะปู

ใจไม่ออกคำสั่ง ใจไม่รัก ใจไม่เกลียด ใจรู้สึก ทุกครั้งที่ใจรู้สึกคนจะตัดสิน แต่ละการตัดสินต้องใช้มาตรวัด คนสร้างตรรกะและเหตุผล แยกแยะนามธรรมโดยมีเป้าหมาย ผสมกันเข้าเป็นมาตรวัดของคน แต่เป้าหมายของคนนั้นหลากหลาย ตรรกะและเหตุผลก็หลากหลาย มาตรวัดจึงหลากหลายตามไปด้วย

การตัดสิน’ใจ’ จึงเป็นการคาดคั้ดเอาสิ่งที่ใจมอบให้ไม่ได้ ใจไม่มีตรรกะหรือเหตุผล ไม่แยกแยะนามธรรมโดยมีเป้าหมาย ใจเพียงรู้สึก ใจบอกว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร ส่วนจะทำอย่างไรใจไม่มีคำตอบ

การรับฟังเสียงสะท้อนจากใจคือหลักใหญ่ในการเลือกทางชีวิต ทุกครั้งที่เลือกด้วยวิธีนี้ผมจะรับมือกับสิ่งที่ตามมาได้เสมอ ผมอาจจะท้อแท้ หวั่นไหว เสียใจ สับสน แต่ถ้าผมอดทนมากพอผมจะพบทางออก ต่างกันกับการไม่รับฟังเพราะไม่ว่าจะอดทนเท่าไหร่ผมก็ไม่เคยหลุดพ้นเลยสักที

มีเหตุผลมากมายว่าทำไมผมจึงทำสวน การกำหนดวิถีชีวิตของตัวเองคือหนึ่งในนั้น ผมอยากมีสถานที่ของตัวเอง ที่ที่ไม่มีใครมาบอกว่าต้องทำอะไร ผมอยากคืนอิสระให้กับหัวใจ อยากเห็นปลายทางที่ใจนำพาไป สวนคือกายภาพของความคิดนี้ ผมอยากใช้ชีวิตท่ามกลางผลไม้ที่ผมชอบ ผมพบว่าไม้ผลส่วนใหญ่ถูกตัดแต่งเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดโดยสูญเสียรูปทรงของตัวเอง ผมอยากให้ต้นไม้ในสวนมีรูปทรงตามธรรมชาติ ผมไม่รังแกสัตว์ในสวน หวังใจว่าวันหนึ่งมันจะเห็นผมเป็นลิงปลูกต้นไม้ที่เลี้ยงแมว

ภาพโดย ตะปู

ตลอดหนึ่งปีที่อยู่ในสวน(ไม่รวมระยะเตรียมการอีกครึ่งปี) สิ่งหนึ่งที่ผมยืนยันได้คือการทำสวนเป็นงานที่หนักและเหนื่อย การเรียนรู้แทบทุกอย่างต้องใช้แรงกายและเวลา การทำซ้ำ ๆ ช่วยให้เราเชี่ยวชาญและทานทน แต่ก็ยังเหนื่อยอยู่ดี ผมไม่คิดว่าการทำสวนจะเป็นงานรื่นรมย์สำหรับทุกคน ยิ่งถ้าต้องทำเพื่อเลี้ยงตัวและคาดหวังชีวิตแบบชนชั้นกลาง พืชผลทางการเกษตรไม่ได้มีราคาสูงนักเมื่อเทียบกับคุณภาพ หมายความว่านอกจากคุณภาพแล้วก็ยังต้องมีปริมาณที่เพียงพออีกด้วย ซึ่งการจะได้อย่างนั้นคุณต้องทำงานหนักกว่าเดิมหรือไม่ก็จ้างงาน อาจต้องคิดเรื่องการแปรรูปเพื่อเพิ่มรายได้ หรือวิธีอื่น ๆ ตามแต่จะคิดออก

การต้องทำใจละทิ้งชีวิตแบบชนชั้นกลางเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับ โซเชี่ยลมีเดียแทบจะบายพาสทุกอย่างเข้าสู่หัวใจ แต่ถึงที่สุดผมก็รอดมาได้ เมื่อความคิดเข้าที่เข้าทางผมจึงเพลิดเพลินกับความเหนื่อยหนักในงานสวน ขี้เกียจก็พัก ขยันก็ทำ ขี้เกียจติดกันหลายวันก็ฝืนตัวเองบ้าง ฝืนไม่ไหวก็ถ่มถุยตัวเองบ้าง หนักเข้าก็ไปหาเพื่อน หนีเข้าเมือง กระโดดน้ำ เล่นดนตรี เมามาย หาหนทางพาตัวเองผ่านพ้นไปทีละวัน

ผมไม่ได้เลี้ยงชีพด้วยการทำสวน ไม่ได้ทำสวนเป็นงาน ผมทำเท่าที่มันจะสามารถหล่อเลี้ยงจิตใจในแต่ละวัน รักษาความสม่ำเสมอให้เพียงพอไปถึงภาพฝัน ผมทำสวนแบบนั้น ประสบการณ์หนึ่งขวบปีก็ถือว่าน้อยมาก และข้อคิดเห็นเหล่านี้ก็อาจจะจริงอยู่เพียงที่นี่แต่ไม่จริงที่ไหนอีกเลย ฉะนั้นแล้ว โปรดใช้เวลาและพิจารณาอย่างใส่ใจ
.
.
.
ชักเริ่มไม่แน่ใจว่าเอาอยู่ เป็นงานที่เหนื่อยกว่าที่คิดอีกงานหนึ่ง งานนี้เหนื่อยเพราะเรื่องเยอะแต่หยิบใช้ได้เท่าที่จำเป็น
หวังว่าจะสอดคล้องกับหัวข้ออยู่บ้างนะ