ชีวิตตามกรรม

โดย ฟองเวลา

ตอนใกล้สว่างฝันว่าเดินบนถนนซอยที่ไหนสักแห่ง เหลือบไปเห็นงูเห่าเลื้อยข้ามทาง มันตกใจฉัน ด้วยเห็นว่าจวนตัวมั๊ง!! มันจึงเลื้อยเข้าจู่โจม ทีแรกฉันใช้มือจับหมวกแก๊ปทำเป็นโล่รับการจู่โจม มันงับโดนหมวก ฉันปล่อยมือจากหมวก เมื่อพลาดมันก็เลื้อยกลับพุ่งเข้างับเป็นรอบที่สอง คล้ายว่าฉันจะใช้ผ้าขาวม้าในการคมเขี้ยวแทนมือ มันพลาดเป็นคำรบสอง แล้วมันก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง ฉันเหลือแต่มือเปล่าป้องปัด คมเขี้ยวงูฝังลงบนหมัดฉัน รู้สึกเจ็บแปลบ ปากงูงับคาหมัดฉันอยู่ ในใจคิดว่าสักพักหากฉันยังล่าช้า พิษงูคงแล่นเข้าสู่หัวใจ วิธีแก้ฝันร้ายของฉันคือบังคับตัวเองให้ตื่น มันสว่างพอดี

ภาพโดย ฟองเวลา


ตอนเที่ยงฉันแวะไปทำธุระบ้านเพื่อน เพื่อนเขาจับเต่ายางตัวหนึ่งไว้ เขาว่าเห็นมันคลานต้วมเตี้ยมอยู่ข้างบ้าน จึงจับมาขังไว้ก่อน รอเวลานำไปปล่อยคืนป่า ฉันอาสาที่จะเป็นคนนำเต่าไปปล่อย ก่อนนำเต่าไปปล่อยฉันแวะไปที่วัดเพื่อติดตามเรื่องราวของ’หลวงพี่เวโปละ’ ไปถึงหลวงพี่ก็ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มมิตรภาพ ทราบว่าผู้ใหญ่บ้านเป็นพยานรับทราบการเข้าพักที่วัดในช่วงเข้าพรรษา ไม่อนุญาตให้พลวงพี่จำพรรษาในถ้ำ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เกรงจะไม่เหมาะทั้งพระและคนไปเที่ยว จึงนิมนต์ท่านมาอยู่วัดร่วมกับพระชาวไทย ฉันสังเกตเห็นจีวรที่ท่านห่มเปลี่ยนเป็นสีขมิ้นตามแบบพระไทย เมื่อฉันตั้งข้อสงสัย หลวงพี่ก็อธิบายว่า ธรรมอยู่ในใจเครื่องนุ่งห่มอยู่ภายนอก ทางสายกลางตามที่พระพุทธเจ้าบอกไว้ เมื่อฉันขอตัวเพื่อจะนำเต่าไปปล่อย ขณะเลี้ยวรถเครื่องออกจากหน้ากุฏิ ฉันเหลือบเห็นงูตัวสีเขียวกำลังรัดตุ๊กแก งูม้วนตัวรัดตุ๊กแกจนดูเป็นก้อนกลม อยู่ในสภาพแน่นิ่งทั้งคู่ ฉันรู้ว่าเจ้างู่คงรอเวลาให้ตุ๊กแกสิ้นใจตายก่อน จึงค่อยเขมือบมื้ออาหารของตน ฉันหยุดรถและหันไปเรียกหลวงพี่มาร่วมรับรู้เหตุการณ์ เมื่อฉันถามว่า เราจะช่วยตุ๊กแกไม๊ หลวงพี่บอกไม่ต้อง ให้เป็นไปตามกรรม
น่าสนใจทีเดียวสำหรับธรรมะของพระที่บวชมาเจ็ดเดือน และฝันตอนหัวรุ่งก็เกือบเป็นจริง เพียงแต่เปลี่ยนจากฉันเป็นตุ๊กแกก็เท่านั้น.

ภาพจาก google

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *