โดย ตะปู
อยากรู้เรื่องรวมเล่มงานเขียนที่ทำแล้วจะไม่รู้สึกเสียดายทีหลัง
เอาจริง ๆ ผมก็จำไม่ได้แล้วนะว่าทำไมผมถึงอยากมีหนังสือของตัวเอง ผมอ่านหนังสือตั้งแต่เด็กการ์ตูน สารคดี วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กำลังภายใน คอมพิวเตอร์ ถ่ายภาพ เกมส์ ปรัชญา กราฟฟิค อีโรติค กวี เอาเป็นว่าสนใจอะไรผมก็อ่านอย่างนั้น การอ่านส่งเสริมทุกสิ่งที่ผมทำ เป็นวิธีการรับสารที่ผมชำนาญก่อนศาสตร์อื่น ถ้าเรื่องไหนสามารถสื่อสารผ่านการเขียนได้และผู้เขียนสามารถถ่ายทอดสารนั้นออกมาได้ อย่างไรเสียผมก็จะเข้าใจ
ผมรักที่จะถ่ายทอดเรื่องราวตั้งแต่เด็ก ภาพตัวเองเล่าหนังไททานิคให้เพื่อนฟังใต้ต้นมะเหมี่ยวยังติดอยู่ในตา ผมวาดฉากเรือชนภูเขาน้ำแข็งเป็นการ์ตูนช่องประกอบเรื่องราว เรือกลไฟสี่เสาชนภูเขาน้ำแข็ง จมลงทีละชั้นแล้วหักออก เสาเรือโค่นล้ม ผู้คนตะเกียกตะกาย ท้ายเรือลอยโด่งเหมือนจุกก๊อก แล้วทั้งหมดก็ดำดิ่งสู่ท้องทะเล นั้นคือเหตุการณ์ตอนประถมฯ
การอ่านและการเล่าเรื่องคงผสมกันเป็นตัวอักษร อ้างอิงจากบันทึกที่ยังหลงเหลือ งานเขียนจากความตั้งใจของตัวเองชิ้นแรก ๆ ปรากฎตอนมัธยมต้น ผมเขียนเกี่ยวกับความคิด ความรู้สึก บางสิ่งที่ไม่ได้คุยกับใคร เขียนกลอน กลอนเปล่า ผมพยายามอยู่หลายปีกับการเขียนเรื่องแต่ง แต่มันห่วยแตกเหลือเกิน ผมแต่งเรื่องไม่ได้ความ อย่างดีก็เป็นฉาก ไม่เคยมากพอจะเป็นเรื่องราว
ผมนิยามงานตัวเองว่าเป็นการบันทึกชีวิต วัตถุดิบส่วนใหญ่ก็มาจากชีวิตของผมเอง เนื้อหามีตั้งแต่คร่ำครวญ ใคร่ครวญ จำแนก จัดระเบียบ กระบวนการ ประสบการณ์ ผลของฝึกฝนตัวเองคือตัวกำหนดความโปร่งใสของสารที่สื่อ ผมสามารถแบ่งปันสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ต่อเมื่อผมค้นพบสิ่งใหม่เสียก่อนเพราะนั้นคือสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงและทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงผมจะสรุปบทเรียน สิ่งที่ได้จากกระบวนการนี้คือสิ่งที่ทุกคนได้อ่านกัน
ผมขอพูดถึงการรวมเล่มด้วยถ้อยคำที่ซื่อสัตย์ที่สุดที่ผมจะให้ได้ ดังนี้
ทุกครั้งที่ผมคิดเรื่องการรวมเล่ม สิ่งที่ผมเห็นในตัวเองคือความทะยานอยาก ผมอยากมีเงิน ชื่อเสียง การยอมรับ คำชื่นชม ผมจิตนาการถึงผลลัพธ์ก่อนที่ผมจะคิดเรื่องความรับผิดชอบต่องานหรือความคุ้มค่าของแผ่นกระดาษเสียอีก ทุกครั้งที่ได้ชื่นชมความรื่นรมย์ของคนอื่นผมก็คิดถึงความรื่นรมย์ของตัวเอง สถานที่ อาหาร เครื่องใช้ อาภรณ์ เสน่ห์
ผมไม่ได้สร้างงานเพื่อรับใช้ความต้องการแบบนั้น ใจจริงผมไม่อยากให้ใครต้องจ่ายเพื่ออ่านด้วยซ้ำ
แต่เพราะยังเป็นปุถุชนสิ่งเหล่านี้จึงมีอยู่ครบถ้วนในตัวผม
ผมผันความสนใจไปยังการสร้างงานที่ดีขึ้น ลดเวลาการทำงานให้เทียบเท่ามืออาชีพ ลดข้อจำกัดในการทำงาน เพิ่มความสม่ำเสมอ ก่อนหน้านี้ไม่นานผมได้ทดลองเขียนงานรูปแบบใหม่ซึ่งผมพอใจมาก(ยังไม่ได้ลงให้อ่านกัน) มาตอนนี้ผมก็เปิดรับหัวข้อจากเพื่อน ๆ เพื่อท้าทายตัวเองในทุก ๆ วัน ผมต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้ได้เสียก่อน แล้วจากนั้นจะเอายังไงก็ค่อยว่ากันอีกที
.
.
.
ใช้เวลานานกว่าที่คิด ท่องไปในตัวเองไกลมากเพื่อหาสิ่งที่จริงที่สุด แถมด้วยอาการล้าจากการไปโรงพยาบาลแต่เช้า
แต่ก็เสร็จจนได้