บทความโดย ฟองเวลา
………ตอนเย็นหลังจากคลุกข้าวไปแจกจ่ายให้หมานวัด 12 ตัวแล้ว ..ถ้าใครเคยอ่านโพสต์เก่าๆของเรา จะรู้ว่าเราเคยเขียนถึงจำนวนหมาในวัด ว่ามี 15 ตัว ปลายปีที่แล้ว ‘ไอ้เตี้ยลายจุด’ หมาที่”รู้สา”กว่าใครเพื่อน ได้รับการอนุเคราะห์จากครอบครัวหนึ่ง รับไปเลี้ยงดู ต้นปีนี้ ‘ไอ้ติน’ หมาตัวผอมกะหร่อง ถูกรถยนต์เฉี่ยว บาดเจ็บและอยู่ได้อีกครึ่งเดือนก่อนตายจาก เดือนที่แล้ว ‘อีหมุน’ แม่หมาวัยชรางอมหงำ หายไปหลายวันและเพิ่งพบว่ามันไปนอนเป็นศพอยู่ข้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ …การลาจากมีหลายรูปแบบ เช่นกันกับการพบเจอ ซึ่งเป็นอุบัติการณ์!! พรุ่งนี้เป็นวันพระใหญ่ ฉันเลยรื้อเอาน้ำยาขัดพื้นมาฉีดราดพื้นหน้า’ครัวฉัน’ เป็นพื้นปูกระเบื้องสวยงาม แม้พระจะเขียนป้ายตั้งไว้อย่างเด่นชัด ‘กรุณาถอดรองเท้า’ แต่พื้นก็ยังเลอะคราบรอยเท้าอยู่ดี หมาจำนวนหลายตัวนั่นแหละที่ไม่รู้หนังสือ ไม่เคยอ่านป้ายเตือน มันชอบไปเข้าไปยืนออ คลอเคลีย ไปนั่งๆนอนๆอยู่ตรงนั้น ในเวลาที่ญาติโยมมาทำบุญที่วัดและนั่งสนทนากันที่โต๊ะม้าหินหน้าครัวฉัน ครั้นเราจะเข้าไปไล่ก็เกรงใจญาติโยม
………เมื่อฉีดราดน้ำยาขัดพื้นทั่วลานแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้สักพัก ก่อนจะใช้สายยางฉีดน้ำทำความสะอาดซ้ำ ระหว่างรอให้น้ำยาทำปฏิกิริยากับพื้นกระเบื้อง ก็ถือโอกาสเดินไปหาเก็บผักเก็บหญ้าในสวนปาล์มหลังวัด ที่ในสวนปาล์มมีแอ่งน้ำขัง ‘น้ำรอระบาย’อยู่เป็นหย่อมๆ ในแอ่งน้ำตื้นๆนอกจากจะมีพืชจำพวกหญ้า ตะไคร่น้ำแล้ว ยังมี’ผักช้อง’ ซึ่งเป็นพืชตระกูลหญ้าน้ำชนิดหนึ่ง ขึ้นอยู่ในแอ่ง อยู่ใต้ผิวน้ำ มันคงไม่ได้ต้องการใช้แสงในการสังเคราะห์อาหารมากนักเนื่องจากอยู่ใต้ผิวน้ำ สีสันของมันจึงออกเขียวซีดจางๆ เป็นพืชตระกูลหญ้าก็จริง แต่เมื่อมันกินได้เราก็ไม่เรียกว่าหญ้า และยกสถานะมันขึ้นเป็นผักอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า”ผักช้อง” นั่นเอง เป็นผักรสจืด คือไม่มีรสชาติใดๆ เลยต้องนำมากินกับน้ำพริก บางคนจะนำผักช้องไปชุบแป้งทอด แบบเดียวกับใบเล็บครุฑ และมีเหมือนกันที่นำผักช้องไปหมักเป็นผักดอง น้ำพริกกะปิเหลือจากมื้อเช้าใส่ไว้ในตู้เย็น ก็นำออกมา เติมพริกสด บีบมะนาวเพิ่ม จิ้มกินกับผักช้อง ยังมีข้าวหมูแดง 1 กล่องที่เหลือจากพระตั้งแต่มื้อเพล เป็นอันว่ามื้อเย็นนี้ไม่ต้องหุงข้าว …กินผักกินหญ้าไปตามเรื่องตามราว สารอาหารไม่ต้องมีมาก เซลล์สมองก็จะได้ไม่ซับซ้อนแบบวัวควาย ไม่ต้องคิดมาก ไม่เครียด…. ณ วัด วิถี 23 ก.ค.64