บทความโดย ฟองเวลา
“อย่าแกะถุง อย่าแกะ!!!..วันนี้เขาไม่ได้ชิงเปรตกัน” ชายผิวคล้ำค่อนไปทางสีถ่านไม้พูดด้วยเสียงดังปานกลางโดยไม่เจาะจงไปที่ใคร แต่ใบหน้าผินมองไปทางโต๊ะยาวใต้หลังคาแคบซึ่งบนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหาร ขนม ผลไม้และของใช้จำเป็น จำพวกแป้ง สบู่ ยาสีฟันและยาสระผม
เด็กสองสามคนและพวกผู้ใหญ่อีกสี่คนยืนแกะถุงบรรจุข้าวของ ที่กองเรียงรายบนโต๊ะโดยไม่นำพาต่อเสียงแจ้งเตือนจากชายคนนั้น “เลือกเอาพวกขนม พวกอาหารสดนั้น ..เอาได้” หญิงวัยกลางคนพูดขึ้นเบาๆเหมือนกลัวคนอื่นจะได้ยิน “ทำเฒ่ามาห้ามคนอื่น ของหมดนี่เดี๋ยวเขาก็มีคนมาทอนไปขายอีกที” ใครอีกคนพูดขึ้นด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดอย่างไม่เกรงใจ ผ่านไปสักครู่ชาวบ้านสี่ห้าคนก็ช่วยกันลำเลียงสิ่งของทั้งหมดบนโต๊ะยาวไปกองไว้ในศาลาการเปรียญ
…ถึงตอนนั้นชาวบ้านที่มาร่วม’งานบุญเดือนสิบส่งตายาย’เริ่มทยอยกลับบ้านกันแล้ว บางคนที่มาสายหน่อยยังนั่งประนมมือกระพุ่มไหว้โคนต้นไม้ที่มีดอกไม้ธูปเทียนกองสุมอยู่ …..ดอกไม้ธูปเทียนพวกนี้คงเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองโลก และต้นไม้นั้นก็ได้รับน้ำจากการกรวดคว่ำขันจนฉ่ำโคนต้น
เขาแกะสายยางที่มัดถุง’ขนมจีนน้ำยา’ออกทั้งสองถุง เทใส่ชามใช้ช้อนสั้นคลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนจะตักใส่ปาก รสหวานของน้ำยาซึมซาบในกระพุ้งแก้ม มันเป็นรสชาติที่ไม่คุ้นชินนัก เขารีบสูดมันลงลำคอโดยไม่ต้องบดเคี้ยว ป้อนก้านอ่อนของ’พัดโบก’พืชตระกูลผักตบที่เก็บมาจากท้ายสวนเมื่อวานส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวตาม รสขมจางๆกับความรู้สึกขื่นเขียวกำซาบเพดานปากช่วยกลบรสหวานของขนมจีนน้ำยาได้อย่างลงตัว ใช้เวลาเพียงอึดใจขนมจีนถ้วยนั้นก็อันตรธานหาย
‘ขนมลา’ยังวางสงบนิ่งในถุงปล๊าสติก เขาเพียงเหลือบมองโดยไม่ได้แตะต้อง ‘มันคงหวานเข้มตามสีสันที่เหลืองออกน้ำตาล’ ระหว่างนั้นในหัวก็แว๊บคำนึงไปถึงคำพูดของหญิงสาวบางคน ….”หนูไม่ดำนะ คนที่สนิทกันเค้าเรียกหนูว่า นังผิวน้ำตาลไหม้” เขาอมยิ้มให้กับแผ่นขนมลา ….เห้อ! ส่งตายายปีหน้าคงต้องจัดหายาแก้เบาหวาน ความดัน ไขมัน ละลายลิ่มเลือดส่งให้ตายายด้วย ก็เล่นมีแต่ของหวานๆรสจัดทั้งน้าน!!!
สิบห้าวันก่อน เขาไม่ได้ไปร่วมพิธี’รับตายาย’ที่วัด ….วันนี้ก็แค่ผ่านไปทำธุระ เขาเป็นหนึ่งในสี่ของพวกผู้ใหญ่ที่ยืนแกะถุงเลือกขนมบน’ร้านตายาย’ที่สำนักสงฆ์เก่าแก่ซึ่งมีพระจำพรรษาเพียงรูปเดียว กับหมาที่เจ้าของเอามาทิ้งไว้สี่ห้าตัวและแมวชราอีกหนึ่งตัวที่ชอบนอนเหงาตลอดวันอยู่บนแท๊งค์น้ำหลังกุฏิ ผู้คนต่างพากันเขียนชื่อญาติโกโหติกาที่เสียชีวิตแล้วเท่าที่จะนึกออก ….ส่วนวิญญาณหญิง-ชายที่ไม่ปรากฎชื่อก็ไม่รู้จะส่งผ่านสะพานบุญกันอย่างไร!!!
ตายายนั้นเอาเข้าจริงๆก็ได้ดื่มเฉพาะน้ำที่ลูกหลานเทอุทิศให้ใส่โคนต้นไม้ ส่วนข้าวของที่กองเต็มโต๊ะเป็นเรื่องของหญิง-ชายนิรนาม เขาพลางนึกขอบใจชายผิวคล้ำที่คอยห้ามปรามผู้คนไม่ให้”ชิงเปรต” มันช่วยให้เขาและเพื่อนชาย-หญิงนิรนามเลือกหยิบอาหารที่ต้องการอย่างใจเย็นโดยไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาแย่งชิง.