มันเรื่องของผมนะ

บทความโดย ฟองเวลา

ภาพโดย ฟองเวลา

ประมาณสามปีก่อนเห็นจะได้ ขณะต่อรถสองแถวเที่ยวสายเพื่อเข้าไปทำธุระในเมือง รถว่าง… ท้ายสุดของเบาะยาว หญิงวัยคุณยายนั่งอยู่ก่อนแล้ว ด้านในฟากตรงข้าม เป็นคุณแม่ยังสาวกับลูกน้อยช่างพูด รถวิ่งไปได้เกือบครึ่งของระยะทาง ยายลุกขึ้นกดออดที่ติดไว้ใต้เพดานหลังคารถ เป็นสัญญาณให้หยุดรถก่อนถึงชุมชนใหญ่กลางเส้นทางเล็กน้อย …ยายคงถึงที่หมายแล้ว คุณแม่คนสวยจูงแขนลูกน้อยลงจากท้ายรถ ทีแรกผมนึกว่าเธออาจเปลี่ยนใจแวะสถานนีกลางทาง นั่นเพราะผมได้สอบถามถึงจุดหมายของเธอ ตั้งแต่แรกเธอขึ้นรถ เป็นไปโดยมารยาทเพื่อลดความอึดอัดในห้องโดยสาร เธอตอบด้วยสำเนียงภาคกลางระรื่นหู เธอกำลังจะเข้าเมือง ส่วนจะมีจุดมุ่งหมายไปที่ไหนต่อนั้น ผมไม่ได้ถามลึก สอดคล้องกับท่าทีของเธอที่รักษาระยะห่างทั้งทางกายภาพและน้ำคำ
แล้วเธอก็จูงมือลูกน้อยเดินอ้อมตัวรถไปเปิดประตูตอนหน้า ปีนขึ้นไปนั่งคู่กับคนขับ ผมได้แต่ชะงัก อ้าปากเก้อ ด้วยกำลังจะเตือนเธอว่านี่เพิ่งจะแค่ครึ่งทาง ยังไม่ถึงในเมืองเลย.. ใช่ เธอเป็นคนต่างถิ่น ไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่น เงาภาพสะท้อนจากกระจกห้องคนขับ เห็นชายผู้โดยสารคนเดียว นั่งหัวยุ่งเป็นกระเซิงอยู่บนม้านั่งยาว ข้างตัวมีกระเป๋าเป้ใบเก่า ขาด ….เธอคงสัมผัสรู้ได้ถึงความไม่ปลอดภัย ถ้าต้องนั่งร่วมห้องโดยสารกับชายแปลกหน้า ท่าทางพิลึกคนไปอีกเป็นระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร กว่าจะถึงจุดหมาย

ภาพโดย ฟองเวลา

ถอยไปก่อนหน้านี้สักสองสามปี ในฐานะคนเปิดบัญชีร่วมในโครงการพัฒนาของเครือข่ายประชาชนแห่งหนึ่ง วันนั้นผมกับน้องผู้หญิงที่เป็นผู้เปิดบัญชีร่วม เราต้องเข้าไปถอนเงินซึ่งเป็นจำนวนเลขหกหลัก เพื่อจ่ายในกิจกรรมของโครงการ เป็นธนาคารในอีกจังหวัดหนึ่ง ผมเองต้องเซ็นลายมือชื่อตัวเองซ้ำๆ ลงบนกระดาษเอสี่หลายครั้งมาก และนั่งรอให้ผู้จัดการธนาคาร นำลายเซ็นพร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของผมเข้าเข้าไปในห้องทำงานเป็นเวลานาน ส่วนน้องผู้หญิงเซ็นครั้งเดียวเป็นใช้ได้เลย แต่เธอต้องรอเวลาเท่ากับผม ระหว่างที่นั่งรออย่างยาวนานนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับธนาคาร เข้ามาใกล้ๆ ทำทีเป็นอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างๆ เขาคงอ่านแม้กระทั่งบนหน้าโฆษณา!!? อีกสักครู่ใหญ่ กว่าเจ้าหน้าที่การเงินผู้หญิง จะนำเงินที่เบิกมาจ่ายให้ ผู้จัดการฯนำบัตรประชาชนมาคืนผม พร้อมกับอธิบายด้วยท่าทีสุภาพ ด้วยหน้าตาผ่อนคลาย ยิ้มแย้ม แตกต่างจากตอนแรกที่ดูหวาดกังวล ตำรวจนายนั้นเดินออกไปตอนไหนผมไม่ทันสังเกตุ …ผู้จัดการฯและตำรวจชั้นประทวนคนนั้น เพียงทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของบรรดาลูกค้าสุจริตชนของธนาคาร

ภาพโดย ฟองเวลา

กลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ออกไปใช้บริการช่างผู้หญิงร้านปากซอย เมื่อเธอสอบถามเหตุผลที่ตัด ก็บอกไปว่ารู้สึกรำคาญตัวเอง เวลาเข้าสวน ถางหญ้า ฟันไม้ ตัดยอดจาก ความจริงก็เป็นเช่นนั้น เพราะเคยใข้เวลาครู่ใหญ่เพื่อรูดเอามดแดงออกจากเส้นผม เมื่อมดแดงร่วงใส่หัวเกือบทั้งรัง จากแรงสะเทือนของกิ่งไม้ที่โดนฟัน อีกสี่วันเมื่อกลับไปเยี่ยมบ้าน ลูกชายทักอย่างแปลกใจ “พ่อตัดผมสั้นแล้วดูแปลกๆ น่ากลัว พ่อไว้ผมยาวต่อเถอะ” ลูกชายว่า อืม.. มีวันหนึ่งที่ไปรับเขาตอนโรงเรียนเลิก ต่างยิ้มแย้ม บ้างก็แอบหัวเราะอย่างไร้เหตุ “พวกมันขำพ่อนั่นแหละ” ลูกชายอธิบายเมื่อเขาเดินมาถึงรถมอเตอร์ไซค์ที่พ่อจอดรอ “พ่อตัดสั้นแบบนี้แหละดูเรียบร้อยดี ” ลูกสาวสองคนประสานเสียงหักล้างข้อเสนอของน้องชาย อุตส่าห์คิดว่าทรงผมตัวเองเท่ห์นัก!! ที่ไหนได้มันกระทบกระเทือนการมีอยู่ของคนรอบข้าง คนแปลกหน้าอาจกังวล คนกันเองขำขัน รำคาญ บางคนอาจพลอยอับอาย เส้นผมเป็นของเรา แต่ทรงผมไม่ใช่ …ทั้งที่มันเป็นเรื่องของผม.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *