บทความโดย ฟองเวลา
“เอสาหังภันเต สุจิระปะรินิพพุตัมปิ ตังภะคะวันตังสะระณัง คัจฉามิ…ฯ!!!” เธอกล่าวตามคำบอกของพระหลวงปู่ และก่อนจะเข้าสู่พิธีบวช พระหลวงปู่ให้เธอนั่งสำรวมต่อหน้าบิดา มารดาผู้ให้กำเนิด และกล่าวคำขอขมาลาบวช “ลูกขอนอบน้อมต่อพ่อผู้ให้กำเนิด ให้ชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่าง ขอให้พ่อจงยกโทษให้ลูกสาวด้วย.. ที่ลูกสาวได้สบประมาทล่วงเกิน.. ด้วยกายก็ดี.. ด้วยวาจาก็ดี.. ด้วยใจก็ดี.. ทั้งต่อหน้าก็ดี.. ทั้งลับหลังก็ดี.. ทั้งโดยเจตนาก็ดี.. ทั้งไม่เจตนาก็ดี..” เธอกล่าวตามพระหลวงปู่ ด้วยเสียงปนสะอื้น และมีน้ำตาคลอหน่วย ฝ่ายผู้เป็นแม่ก็มีน้ำตาซึมเช่นกัน ส่วนพ่อนั่งอมยิ้มอย่างเข้าใจ ระหว่างนั่งรับฟังการขอขมา ในใจก็กล่าวยกโทษอย่างตลอด พร้อมพูดอยู่ในใจว่าไม่เคยรู้สึกว่ามีการล่วงเกิน!! มิเคยละเมิด!! ด้วยมิเคยถือโทษตลอดมา และตลอดไป
ฉันนั่งหันหลังให้พระหลวงพ่อ โดยหันหน้าไปหาลูกสาวที่กำลังกล่าวคำขอขมาก่อนบวช ฉันจึงนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพระหลวงพ่อ กับลูกสาวที่นั่งห่มขาวในแบบชีพราหมณ์ เสียงนำกล่าวคำขอขมาของพระหลวงพ่อ ที่ดังข้ามหัวตัวเองไปยังลูกสาว มันเสียดแทงในสำนึกฉันอยู่ตลอด ฉันไม่เคยมีความรู้สึกว่าลูกได้เคยละเมิดล่วงเกินฉัน …แต่รู้สึกตัวว่าฉันเองเคยละเมิดล่วงเกินต่อพ่อ ..ยังคงสบประมาทพลาดพลั้งต่อพ่ออยู่บ่อย บาปกรรมนี้ยังกัดกร่อนความรู้สึก และคงต้องตามชดใช้ข้ามภพชาติ …ถ้าชาติหน้ามีจริง!!!
ต้นเดือนมกราคม ปี 2554 ขณะร่วมขบวนเครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น ซึ่งจัดกิจกรรมใหญ่ เดินเท้าทางไกล ‘จากด่านสิงขร ถึงรัฐสภา เพื่อรณรงค์ผลักดันร่างพระราชบัญญัติคืนสัญชาติให้คนไทยพลัดถิ่น’ หลังจากต้องหลีกหลบให้กับมาตรา 23 ของพรบ.สัญชาติฉบับที่ 4 ในคราวประชุมพิจารณา ปี51-52 เป็นวันที่สี่ของการเดินเท้า.. คืนนั้นขบวนแวะพักแรมที่วัดวังพงค์ สี่แยกปราณบุรี …อากาศในค่ำคืนเดือนมกราคมค่อนข้างหนาว เต้นท์นอนราคาถูกไม่ช่วยกันความหนาวได้สักเท่าไหร่ ขณะผิวถนนยางมะตอยตอนเที่ยงวันร้อนระอุ ‘ยามู่’มีอาการตัวร้อนเป็นไข้มาตั้งแต่เมื่อวาน และเช้านี้ก็ยังไม่ทุเลา ทำให้มั้งพ่อและแม่เป็นกังวล …เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อกิจกรรมใหญ่ เราจึงโทรศัพท์ไปขอให้พี่สาวคนโตช่วยนำรถมารับหลานกลับไปหาหมอที่ระนองโดยแม่ของเด็กกลับไปด้วย ส่วนฉันกับ ‘หมู่ก้อง’ ยังต้องทำหน้าที่เซอเวย์เส้นทางและประสานจุดพักแรมสำหรับขบวนคนเกือบ 300 คน ซึ่งก็คือวัดต่างๆที่ตั้งอยู่บนเส้นทางฝั่งขาขึ้น ในระยะทางไม่เกิน 25-30 กิโลเมตร อันเป็นระยะที่ขบวนสรุปว่าสามารถเดินได้อย่างไม่เหนื่อยล้าเกินไป อีกสองวันต่อมาขณะขบวนออกจากวัดชะอำและเดินเท้ามาถึงแยกบายพาสชะอำ-เขาใหญ่ ฉันจึงได้ขอตัวกลับไปดูแลอาการลูกสาว ระหว่างนอนป่วยด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเดือด ผู้เป็นแม่ได้บนบานศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พอนึกออก …ขอให้คุ้มครองลูกให้ปลอดภัยหายป่วย จะให้บวชชีแก้บนเมื่ออายุครบ 15 ปี เหตุการณ์นั้นผ่านมาสิบปีแล้ว เธอมีอายุครบสิบห้าปีเต็มเมื่อวันสุดท้ายของเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปิดเทอมแล้วจึงถือโอกาสทำตามคำมั่น ศรัทธานั้น มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ ขณะความยุติธรรมที่มนุษย์สถาปนาขึ้น ตาเห็นอยู่ …ทว่าไกลเกินสัมผัสแด่!! ลุงพงษ์, ลุงดอน, ปู่อาบ, โต๊ะหมาดตีป๋า, ตา-ยายฯลฯ …และสิ่งลี้ลับที่ “บ้านนกผี” สำนักงานเลขที่ 25 ด้วย /10 เมษายน 2564