ชัยชนะในห้องโดยสาร

บทความโดย ฟองเวลา

ภาพโดย ฟองเวลา

ผู้คนคลาคล่ำบนฟุตบาธใต้หลังคาหน้าอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ รถแท็กซี่และรถยนต์ส่วนบุคคลสลับกันเข้ามาจอดส่งผู้โดยสาร มีผู้โดยสารที่เพิ่งลงจากเครื่องบินมายืนรอโบกแท็กซี่ตรงจุดนี้ด้วย โชเฟอร์แท็กซี่จึงรับลูกค้าต่อโดยไม่ต้องเสียเวลาวิ่งหา แท็กซี่หลายคันพอรู้จุดหมายที่เราจะไปก็ปฏิเสธ บ้างให้เหตุผลว่าต้องรีบกลับเอารถไปคืนอู่ บ้างอ้างว่ามีนัดรับลูกค้าประจำและใกล้ถึงเวลานัดแล้ว มีคันหนึ่งบอกเราตรงๆว่ามันไกลมากและช่วงนี้รถกำลังติด แท็กซี่อีกคันเราไม่ทันจะเอ่ยปากแต่ถูกนักเดินทางชายสองคนตัดหน้าไปเสียก่อนโดยไม่สนใจว่าเราจะเป็นผู้เรียกรถคันนั้น …สังคมเมือง เร่งรีบจนลืมกติกา!!! “บอกไปว่าเราจะขึ้นทางด่วน” พี่ผู้หญิงผู้คร่ำหวอดงานจัดระบบชุมชน หรือที่เรียกกันว่าหลักสูตรซีโอ. แนะนำเทคนิคการเจรจากับแท็กซี่ เธอรู้จักสังคมเมืองกรุงเป็นอย่างดี แม้จะเป็นคนต่างจังหวัดแต่ก็เข้ามาร่ำเรียนและใช้ชีวิตกับงานจัดระบบชุมชนกับ’คนจนเมือง’มาทั้งชีวิต คุณลุงผมขาววัยหกสิบเศษพยักหน้าตกลงรับข้อเสนอของเราสองคน “ไปหมู่บ้านนักกีฬา” พี่ผู้หญิงส่งเสียงข้ามมาจากเบาะหลังบอกคุณลุงคนขับ ส่วนฉันนั่งคู่กับโชเฟอร์ที่เบาะหน้า บนแผงคอลโทรลมีตุ๊กตาเด็กผู้หญิงนุ่งกระโปรงบานสีชมพู ตุ๊กตาขยับแกว่งเหมือนการเต้นระบำทุกครั้งที่รถขยับ ระหว่างนั่งรถไป ฉันสังเกตว่าลุงคนขับจะบ่นคนเดียวไปเรื่อยๆ “ช่องแค่นี้มันยังจะเบียดขึ้นมา ..ไอ้ห่า!! ถ้าเฉี่ยวชนขึ้นมาคนอื่นพลอยเดือดร้อนอีก” คนขับบ่นพร้อมคำสบถท้ายประโยค เมื่อรถยนต์คันหนึ่งพยายามเบียดเข้าเลนจากด่านเก็บค่าผ่านทางแห่งหนึ่ง “ผู้โดยสารบางคนไม่เข้าใจจะให้ไปตามเส้นทางที่ตัวเองต้องการอย่างเดียว คนขับแท็กซี่เขาหลับตานึกภาพออก ถนนเส้นไหนมีสภาพการจราจรอย่างไรในแต่ละช่วงของวัน พอเราพาอ้อมหาว่าจะโกงค่ามิเตอร์อีก” พูดพลางหันมาชำเลืองมองฉัน “เดี๋ยวลงที่ด่านศรีนครินทร์นะ” พี่ผู้หญิงแจ้งกับโชเฟอร์ “ต้องลงที่ด่านพัฒนาการ แล้ววิ่งเลียบทางด่วน” ลุงโชเฟอร์แย้ง “คุณลุง!! หนูขับอยู่ประจำ หนูลงศรีนครินทร์ตลอด” พี่ผู้หญิงแย้งกลับ “ผมรู้น่า ..ผมขับรถมาจนแก่ป่านนี้แล้ว” โชเฟอร์เสียงแข็ง “จะให้ไปส่งพี่…..ที่หมู่บ้านนักกีฬาก่อนแล้วค่อยมาส่งผมที่แยกกรุงเทพกรีฑามั้ย” ฉันหันไปพูดกับพี่ผู้หญิง “ส่งเธอก่อน”พี่ผู้หญิงตอบ “งั้นก็ลงตรงด่านศรีนครินทร์ เลี้ยวซ้ายวิ่งยาวไปแยกกรุงเทพกรีฑาเลย” ฉันหันไปพูดกับคนขับ “อธิบายแบบนี้ก็เข้าใจ …ป้าแกบอกไม่สุด” โชเฟอร์ลดระดับเสียงลงในประโยคท้าย

ภาพโดย ฟองเวลา

แกบอกว่ากำลังมองหาลูกค้าที่จะเรียกรถไปฝั่งธน แกจะได้ขับเลยกลับเข้าบ้านซึ่งอยู่แถวพระประแดง เมื่อฉันชวนคุยเรื่องลมฟ้าอากาศขณะมองฝ่าม่านหมอกเทาทึบของเมืองกรุง “ชินแล้ว หมอกควันทั้งนั้น!! วันไหนลูกค้าเรียกให้ไปส่งแถวชานเมือง ส่งเสร็จแล้วผมมักจอดรถลงไปสูดกลิ่นโอโซนของท้องทุ่ง มันแสนสดชื่นกลับมาบ้านก็นอนหลับสบาย”ลุงโชเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผ่อนคลายจริงๆ ชนชั้นคนขับรถแท็กซี่ไม่เคยมีอำนาจต่อรองใดๆ ก็ในเมื่อหัวใจของงานบริการกำหนดไว้ว่าลูกค้าคือพระเจ้า …แต่การได้เป็นผู้ชนะบ้าง ระหว่างบทสนทนาภายในห้องโดยสารแคบๆของรถแท็กซี่ก็นับเป็นการชดเชยความพ่ายแพ้มาทั้งชีวิตของโชเฟอร์แท็กซี่เมืองกรุงวัยเกษียณ เพื่อยืนยันการมีอยู่ของตัวตน …และจุดนี้ฉันคิดว่าพี่ผู้หญิงก็คงเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของชนชั้นที่ไร้อำนาจต่อรอง โดยยอมลดราวาศอกให้ ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงกระโปรงสีชมพูแกว่งขยับเมื่อรถแท็กซี่วิ่งไปบนถนนศรีนครินทร์มุ่งหน้าบางกะปิ ถนนเส้นนี้เลนกลางกำลังอยู่ระหว่างการลงเสาตอม่อเพื่อสร้างรถไฟฟ้า เหลือให้รถราวิ่งเพียง 2 ช่องจราจรซ้ายสุดซึ่งขรุขระเต็มที ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงกระโปรงสีชมพูโยกแกว่งอย่างมีชีวิตชีวา … บนแผงคอลโทรลแท็กซี่คันนั้น.บันทึกคำ 2561